– เมื่อแบรนด์แฟชั่นทั้งหลายกลายเป็นตัวร้ายทำโลกร้อน –
จากข้อมูลการสำรวจเรื่องของสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน บอกเราว่าโลกของแฟชั่นนี่แหละ! ที่เป็นตัวดีทั้งในการผลิต Carbon Footprint คิดเป็น 10% ของปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดที่มวลมนุษย์ผลิตทั้งหมดต่อปี และใช้น้ำปริมาณมากเป็นอันดับ 2 ของโลกในกระบวนการผลิตต่างๆ และสร้างขยะเป็นปริมาณมากต่อปีเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
และแน่นอนว่าเหล่าแบรนด์แฟชั่นทั่วโลก เริ่มตระหนักและให้ความสำคัญของการผลิตที่ยั่งยืนและแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมโลกที่กำลังให้ความสนใจและรณรงค์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
แบรนด์สัญชาติไทยอย่าง Dapper ไม่รอช้าร่วมมือกับ “ศรัณย์ เย็นปัญญา” สร้างแฟชั่นวิถีใหม่
Dapper แบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทยที่อยู่คู่กับผู้ชายไทยมายาวนานนั้น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องการทำเรื่องของแฟชั่นให้มีความยั่งยืนมากขึ้นและสร้างแฟชั่นอย่างมีความรับผิดชอบ
ได้เจอกับเพื่อนคู่คิดอย่าง “โอ-ศรัณย์ เย็นปัญญา”ผู้ก่อตั้ง 56thStudio นักสร้างสรรค์ที่จับผลงานมาอย่างหลากหลายที่ไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องของความคิดสร้างสรรค์แต่ยัง “ตอบโจทย์” กับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเชิงของการใช้งานหรือในเชิงของการเล่าเรื่อง
“จากโจทย์ของ Dapper ที่เราได้มาคือการทำแฟชั่นให้มีความยั่งยืนมากขึ้น ด้วยความที่ Dapper มี 1 ใน Product ที่โดดเด่นก็คือ เครื่องหนัง เพราะฉะนั้นในแต่ละปีจะมีเศษหนังที่เป็นขยะที่ต้องทิ้งเยอะมาก
เรื่องขยะก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นทั่วโลก มองว่าแบรนด์แฟชั่นต่างๆ สร้างปัญหานี้ เราก็เลยนำเสนอทาง Dapper ว่างั้นเราจะเอาเศษหนังนี่แหละ มาทำให้ไม่ต้องกลายเป็นขยะที่ต้องทิ้งเป็นจำนวนมากอีกต่อไป”
… ศรัณย์กล่าว …
– Dapper X Saran ผู้ชุบชีวิตเศษทั้งหลายให้เกิดใหม่ –
“ด้วยความที่เรามีแบรนด์ Citizen of Nowhere ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีผลงานหัตถกรรมมาจากทุกที่ที่ชาวบ้านผลิตกันเองจริงๆ เราจึงเอาไอเดียเราเข้าไปเสริมทัพให้เจาะกลุ่มตลาดใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น พอไปที่โรงงานของ Dapper ได้เห็นขนาดของเศษหนังที่เหลือในแต่ละแบบก็เริ่มสนุกในการคิดขึ้นอีก
เศษหนังที่เหลืออยู่ในโรงงานกองพะเนินสุดลูกหูลูกตา และถ้าคุยเรื่องของคุณภาพ… ถึงแม้จะเป็นเพียงเศษที่เหลือ แต่ด้วยการผลิตสินค้าของ Dapper ที่วางระบบในการผลิตเป็นอย่างดี เศษหนังพวกนี้จึงเป็นเหมือนทองคำ ตามสไตล์ของเราที่ชอบเล่นพิเรนอยู่แล้ว งั้นเอาเศษหนังของ Dapper มาผสมเข้ากับงานสานไปเลยดีกว่า!
เวลาคนนึกถึงงานเครื่องหนังอาจจจะมีภาพอยู่ในหัวถึงอะไรเนี๊ยบๆ ตรงตามความหมายของชื่อแบรนด์ Dapper แต่พอจับมาอยู่กับโครงไม้ไผ่ หวาย ผลงานที่ได้ออกมาจะมีความแปลกใหม่ เป็นได้ทั้งแจกันหรือเป็นที่วางของที่ทำจากเศษหนัง และยังสอดแทรกความเป็นเรา ที่แจกันมันไม่ต้องเป็นรูปทรงแจกันเท่านั้น” คุณโอเล่าเสริม
– Rattan Leather Scrap Vase –
การผสมผสานกันระหว่างงานจักสานทำมือ ที่ตัวโครงเป็นงานหวายที่ชาวบ้านถนัด เพิ่มลูกเล่นด้วยการนำเอาหวายธรรมชาติมาเหลาเปลือกออก เพื่อโชว์เนื้อแท้ของวัสดุและสามารถให้ฟังก์ชั่นด้าน Design เพราะหวายแต่ละเส้น มีสีและหน้าตาที่แตกต่างกัน
ใส่ความความเกเรที่เป็นเอกลักษณ์ของงานจากศรัณย์ ที่แหวกกรอบความคิดเดิมๆ ที่แจกันต้องมีรูปแบบเดียวเท่านั้น ด้วยการทำส่วนฐานสามารถที่จะนำแก้ว ขัน หรือใครที่มีความคิดสร้างสรรค์อยากทำให้สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้กลายเป็นสิ่งของชิ้นเดียวสำหรับตัวเองก็ทำได้ แค่ใส่น้ำให้เหล่าดอกไม้ได้มาเติมเข้าไป ส่วนตาข่ายด้านบนเลือกใช้ตอกไม้ไผ่ที่เราเห็นอยู่ในงานจักสานที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย มาช่วยทำหน้าที่ในการประคองก้านดอกไม้
ถาดหวายทรงเหลี่ยมและทรงกลม เลือกใช้โครงหวายเช่นเดียวกับแจกัน ตัดส่วนที่เป็นงานตอกไม้ไผ่สานออกไป เรื่องของขนาดก็ยังคงเป็นขนาดตามมาตรฐาน เพื่อคงฟังก์ชั่นการใช้งานตามเดิม และแน่นอนว่าด้วยวัสดุหนังจาก Dapper ที่เติมเข้าไปในงานหัตถกรรมก็ช่วยการใช้งานให้มีความทนทานมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
******
– ความคิดสร้างสรรค์ที่ช่วยผลักดันให้เรื่องแฟชั่นมีความยั่งยืน –
เรื่องของ Care กับ Sustainability เป็นเรื่องที่สำคัญและก็ไม่ใช่แค่ทำเพราะตามเทรนด์เท่านั้น แต่ต้องกลายเป็น Lifestyle ของคนยุคนี้จริงๆ เราในฐานะนักออกแบบต้องช่วยคิดในการแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด
โชคดีที่ส่วนใหญ่ Product ของเราใช้งานทำมือ เป็นงานหัตถกรรม เน้นเรื่องของ Carbon Footprint มันก็น้อยลงไปเอง คุณภาพของ Product ที่มีความทนทานที่เราใส่เข้าไป ก็ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานด้วย ซึ่ง Dapper เข้าใจกับ Concept ที่เราอยากทำ แล้วก็ออกมาเป็น Product ที่เป็นไปตามเป้าหมายจริงๆ ก็คือทั้งลดขยะและก็มีความยั่งยืน
*****
จากเสื้อ Deadstock ได้เกิดใหม่เป็น Tote Bag ภายใต้ชื่อ “Pieta”
นอกจากจะได้เห็นเสื้อผ้าหลาก Design จากเครื่องแต่งกายชาย Dapper ใน Era ใหม่ ที่มีความสดใสพร้อมกับเหล่า Influencer ที่เป็นตัวแทนของผู้ชายยุคใหม่ อีกสิ่งหนึ่งที่ Dapper ตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริงก็คือเรื่องของการจัดการทรัพยากรในกระบวนการผลิต
Inspiration and Definition of the Name
จากรูปทรงของเสื้อเชิ้ตที่มีตัวแขน 2 ข้างเป็นแขนยาว และมีตัวสาบเสื้อที่สามารถประกบกันได้อย่างสบาย สอดคล้องกับรูปทรงของกระเป๋าสะพาย จึงเกิดเป็น Pieta Tote Bag ที่คุณศรัณย์บอกว่าอ่านว่า ปิ-เอ-ตะ มาจากภาษาอิตาลีซึ่งมีความหมายว่า “ความเห็นอกเห็นใจ”
เราจึงนำทุกคนให้มารู้จักกับ Tote Bag แสนเก๋ที่เกิดจากการนำเอาเสื้อเชิ้ตที่เป็น Deadstock หรือเหล่าเสื้อเชิ้ตคงคลังในโรงงาน ซึ่งในแต่ละปีทางโรงงานของ Dapper มีเสื้อเหล่านี้สะสมเก็บเอาไว้ การนำเสื้อเชิ้ตเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการ Upcycling จึงช่วยให้สินค้า Deadstock ได้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และนี่คือจุดเริ่มของความยั่งยืนที่แท้จริง
Behind the thought
การให้ความเห็นอกเห็นใจกับเสื้อเชิ้ตคงคลังให้เกิดใหม่เป็นกระเป๋า Tote Bag ที่สามารถช่วยให้คุณขนของไปไหนมาไหนได้อย่างสบายๆ เพียงเย็บสาบเสื้อเข้าประกบกัน เติมหูหิ้วเข้าไปทั้ง 2 ด้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกสำหรับการใช้งาน ก็ออกมาเป็น Tote Bag ที่ไม่ว่าใครก็ถือได้และสามารถเอาไว้ใช้ในการจับจ่าย แถมยังเป็นประโยชน์เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกในวันข้างหน้าได้อีกด้วย
*****
นอกจากเหล่าเศษหนังที่เข้ามาผสมผสานกับงานหัตถกรรมออกมาเป็น Product ใหม่ที่ส่งเสริมความยั่งยืนอย่างแจกันดอกไม้และที่วางของจากหวายและไม้ไผ่ ก็ยังมีกระเป๋าผ้าที่เกิดจากการนำเอาเสื้อเชิ้ต Dead Stock ของทาง Dapper มาเปลี่ยนเป็นกระเป๋าผ้าที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
นับว่าเป็นการนำเอาความคิดสร้างสรรค์มาช่วยลดปัญหาขยะและออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจจาก Dapper X Saran
*****
สั่งซื้อสินค้าได้ที่
Line Shop : @Citizenofnowhere
Facebook Shop : Citizen Tea Canteen
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.dapper.com